โบสถ์ ๖ ประตู
ตามหลักโบราณกาลที่จะเรียกว่าวัดได้นั้น ต้องมีอุโบสถเอาไว้ทำกิจเฉพาะพระสงฆ์เช่น บวชพระ ทอดกฐิน สวดปาฏิโมกข์ได้ แต่ถ้าไม่มีเขาก็ไม่เรียกว่าวัด จะเป็นวัดขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ก็ต้องมีอุโบสถ อุโบสถนี้ชาวบ้านเรียกกันว่า"โบสถ์" ชาวบ้านมักจะสับสนกันระหว่าง วิหารกับโบสถ์ วิหารคือสถานที่สร้างไว้ให้พระพุทธเจ้าอยู่ไม่มีเขตแน่นอน แต่โบสถ์มีเพียงพระประธานและไว้ใช้ทำสังฆกรรมมีเขตสีมาเฉพาะเจาะจงลงไป วัดลำพญามีอายุเกือบ ๑๕๐ ปี โบสถ์หลังแรกสร้างก่อนปีพ.ศ. ๒๔๔๐ รูปร่างทรงเดียวกับวิหารเก่า แต่หลังใหม่สร้างในปีพ.ศ.๒๔๙๔ ก็เกือบ๖๐ปีแล้ว ตามปกติโบสถ์ทุกหลังที่อยู่ริมแม่น้ำจะหันหน้าลงแม่น้ำ เหตุผลคือเมื่อก่อนคนใช้การสัญจรทางเรือ พอขึ้นจากเรือก็ตรงเข้าประตูโบสถ์ แต่โบสถ์วัดลำพญา"หนึ่งเดียวในแผ่นดิน"สร้างขนานกับลำน้ำนครชัยศรี เหตุผลเพราะหลวงพ่อพระครูสุวัตติธรรมประภาสเสี่ยงทายเพื่อที่จะหันหน้าโบสถ์หลังใหม่ลงแม่น้ำ แต่ผลการเสี่ยงทายล้มเหลวไม่สามารถจะหันพระพักตร์พระประธานคือหลวงพ่อมงคลมาลานิมิตลงทางแม่น้ำได้ จึงสร้างทับที่เดิม และเป็นเหตุให้โบสถ์วัดลำพญามี ๖ ประตู ๔ ทิศ ปกติโบสถ์ทั่วไปอาจมีประตูหน้า ๑-๒ หรือ๓ ประตู ด้านหลังมีบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่ความเหมาะสม แต่โบสถ์หนึ่งเดียวแห่งนี้มี ๖ ประตู ๔ ทิศ ประตูด้านหน้าด้านหลังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กลับมีประตูด้านข้างนี่แหละแปลก ถ้าโบสถ์มี ๓ มุกหรือ ๔ มุกก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่โบสถ์ที่นี่แปลก ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถหันหน้าลงแม่น้ำได้ จึงต้องเจาะประตูลงสู่แม่น้ำ ประตูหน้าส่วนมากนาคจะใช้เข้าไปบวช ประตูข้างลงแม่น้ำชาวบ้านใช้เข้า-ออก ประตูด้านหลังสำหรับพระสงฆ์ใช้เวลาเข้าโบสถ์ แต่ปัจจุบันประตูด้านหลังปิดตายแล้วเพราะไม่มีใครใช้งาน ความแปลกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้มีที่นี่ที่เดียว วันนี้ไม่เล่าไม่ได้แล้วเดี๋ยวจุกอกแย่ เพราะต่อไปจะไม่มีใครรู้เรื่องราว และความหมายของผู้สร้าง ถ้าอ่านแล้วต้องไปดูให้เห็นกับตานะ ไม่ไปไม่ได้แล้วนะสำหรับผู้ที่มาเที่ยวตลาดน้ำวัดลำพญาทุกท่าน
ผู้เล่าเรื่อง นายสมศักดิ์ เอี่ยมพลับใหญ่ (อดีตเจ้าอาวาสวัดลำพญา)